JAPAN

About This Project

10295756_10203062485617309_1717314243740042855_n

“ธรรมชาติสวยงาม อาหารสุดอร่อย ตามรอยวัฒนธรรม” คงจะเป็นอีกหนึ่งคำจำกัดความที่มีความใกล้เคียงกับสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากธรรมชาติของญี่ปุ่น ทั้งแม่น้ำ ภูเขา ทะเล ลำธารเล็กๆ จนกระทั่งวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกในแต่ละวันนั้น มีความสวยงามตามกาลเวลาที่สั่งสม รวมไปถึงอาหารญี่ปุ่นที่เลื่องชื่อ ไม่ว่าจะเป็นปลาดิบ ซูชิ โซบะ อุด้ง และอื่นๆ ล้วนมีรสชาติอร่อยและมีกรรมวิธีการทำที่พิถีพิถันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากวัฒนธรรมที่สั่งสมและสืบทอดกันมานั้น มีความสวยงาม มีเรื่องราวและเรียบง่ายในตัวมันเอง ทำให้มนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นนั้นตราตรึงในหัวใจแก่ผู้ที่มีโอกาสได้สัมผัสและเข้าถึงมัน


ทำไมต้องเรียนที่ญี่ปุ่น

• ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

• การศึกษาของประเทศญี่ปุ่นนั้น  เน้นเรื่องการนำไปใช้ในชีวิตจริง

• การรู้ภาษาญี่ปุ่นผ่านการใช้ชีวิตจริงที่ญี่ปุ่น จะทำให้ได้มีโอกาสได้ฝึกฝนผ่านสถานการณ์จริง

• ประเทศญี่ปุ่นมีความปลอดภัย เดินทางสะดวกมาก รถไม่ติด รถไฟตรงต่อเวลา ไม่มีม๊อบ

• คนญี่ปุ่นมีระเบียบวินัยสูง และตรงต่อเวลามาก เราสามารถฝึกฝนตนเองจากการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นได้

• ประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการลงทุนในไทยสูงมาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่รู้ภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นนั้นทำให้เกิดข้อได้เปรียบสำหรับการสมัครงานและการทำงานต่อไป

• คนญี่ปุ่นไม่ค่อยนิยมสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ หากเราสื่อสารด้วยภาษาญี่ปุ่นได้ก็จะได้เปรียบกว่า

 


การใช้ชีวิตในญี่ปุ่น

การใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ก็เร่งรีบตามหัวเมืองใหญ่ เพราะคนจะหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงเช้า และช่วงหลังเลิกงาน โดยเมืองใหญ่และมีพลเมืองหนาแน่นในญี่ปุ่น ได้แก่ Tokyo Osaka Yokohama Nagoya Kyotoเป็นต้น

– ที่พัก การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นนั้น เรื่องที่พักเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องทำใจเอาไว้ก่อนเลย โดยเฉพาะในโตเกียว เพราะเป็นเรื่องที่รู้กันว่าจะต้องใช้จ่ายเงินในราคาค่าเช่าที่แพงมาก แต่ได้อยู่ในห้องขนาดค่อนข้างเล็ก และบางทีต้องเช่าห้องร่วมกับเพื่อนอีกคน (การแชร์ห้อง) อย่างไรก็ตาม การเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนจะมีข้อได้เปรียบ คือ ทางโรงเรียนจะจัดเตรียมที่พักไว้ให้ อาจจะเป็นหอพักของทางโรงเรียนโดยตรง หรือ หอพักเอกชนที่ทางโรงเรียนทำสัญญาเอาไว้ รวมไปถึงการพักอยู่อาศัยกับครอบครัวชาวญี่ปุ่นแบบ Host Familyนอกจากนี้ยังมีอพาร์ทเมนต์เอกชนให้เช่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน ซึ่งนักศึกษาแลกเปลี่ยนสามารถเลือกรูปแบบที่พักอาศัยได้ และราคาค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็จะแตกต่างกันออกไป

– การเดินทาง การเดินทางโดยใช้รถไฟหรือรถประจำทางเป็นวิถีชีวิตแบบปกติในแต่วันของคนญี่ปุ่นโดยส่วนมาก เราสามารถเดินทางไปสถานที่ที่เราต้องการไปได้เกือบทุกแห่ง เพราะ ประเทศญี่ปุ่นมีระบบคมนาคมที่ครบครันและทันสมัย รถไฟที่ญี่ปุ่นมีทั้งแบบธรรมดาที่จอดทุกสถานี รวมไปถึงรถด่วนและรถด่วนพิเศษ ซึ่งจอดเฉพาะสถานีที่กำหนด ดังนั้นจะต้องระมัดระวังว่ารถไฟที่เราขึ้นนั้นจะจอดสถานีปลายทางที่เราต้องการไปหรือไม่ ทั้งนี้รถไฟญี่ปุ่นจะตรงต่อเวลาและมีตารางการเดินที่แน่นอนทุกวัน

สำหรับค่ารถไฟของญี่ปุ่นจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค ทั้งนี้หากเราเป็นนักเรียน และเดินทางโดยใช้เส้นทางเดิมเป็นประจำอยู่ทุกวัน สามารถทำตั๋วเดือนในราคานักเรียน มีให้เลือกแบบรายเดือน รายสามเดือน และรายหกเดือน โดยในตั๋วจะระบุสถานีที่เราสามารถเดินทางได้ สามาถขึ้นลงในสถานีที่กำหนดกี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัด
หากใครที่อยากออกกำลังไปในตัว ก็แนะนำให้ขี่จักรยาน การขี่จักรยานถือว่าได้ประหยัดค่ารถไฟ และได้เจออะไรใหม่ๆระหว่างเส้นทางอีกด้วย

– ทุนการศึกษา ในบางมหาวิทยาลัยคู่สัญญาจะมีทุนการศึกษาคอยสนับสนุนช่วยเหลือ ซึ่งเราสามารถสมัครได้พร้อมกับโครงการแลกเปลี่ยนเลย รวมไปถึงทุนการศึกษาช่วยเหลือจากองค์กรเอกชน เช่น Toyota, Mitsubishi UFJ Bankก็มีทุนการศึกษาสำหรับค่าครองชีพในประเทศญี่ปุ่นให้ด้วยอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีทุนรัฐบาลญี่ปุ่น และทุนอุดหนุนของหน่วยงานที่ชื่อว่า JASSO (องค์กรสนับสนุนนักศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น) ด้วยช่วยเหลือสนับสนุนอยู่เช่นกัน
รวมไปถึงทุนสนับสนุนนักศึกษาแลกเปลี่ยนของทางคณะและของทางมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาแลกเปลี่ยนสามารถสมัครขอรับทุนก่อนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นได้

 อาหารการกิน ในปัจจุบันอาหารญี่ปุ่นเรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับคนไทยแต่อย่างใด แทบเกือบทุกห้างสรรพสินค้า ขนาดเล็กใหญ่ ก็จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ทั้งนั้น ดังนั้นการปรับตัวเรื่องอาหารจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนักศึกษาแลกเปลี่ยน เราจะได้กินอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับแท้ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารนอกบ้านตามร้านนั้นจะค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายที่สูงโดยเปรียบเทียบกับการทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน
ร้านอาหารญี่ปุ่นข้างทางนั้นหาง่ายมาก ตามสถานีรถไฟฟ้าหรือบริเวณใกล้เคียง หรือตามสถานที่สำคัญๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต

– ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิต เป็นที่รู้กันดีว่า ค่าครองชีพในประเทศญี่ปุ่นนั้นสูงมาก โดยค่าใช้จ่ายรวมที่พักจะเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 – 150,000 เยนต่อเดือน โดยมีรายละเอียดดังนี้

ค่าหอพัก ค่าเช่าจะแตกต่างกันไปตามเมืองที่อาศัยอยู่ ประเภทห้อง ทำเลที่ตั้ง โดยในโตเกียวและเมืองใหญ่ ค่าเช่าประมาณ 50,000 – 100,000 เยนต่อเดือน ในต่างจังหวัดค่าเช่าประมาณ 30,000 – 70,000 เยนต่อเดือน

ค่าสาธารณูปโภค ได้แก่ พวกค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้าจะสูงกว่าปกติในหน้าร้อน เพราะจะเปิดแอร์เยอะ โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าสาธารณูปโภคจะอยู่ที่ประมาณ 4,000 – 10,000 เยน

ค่าพาหนะ ในกรณีที่ต้องเดินทางไปเรียนทุกวันโดยรถไฟหรือรถประจำทาง สามารถซื้อตั๋วเดือนแบบเหมาในราคานักเรียนได้ ซึ่งจะได้ส่วนลดประมาณ 40% อย่างไรก็ตามการเดินทางไปยังสถานที่อื่นๆที่นอกเหนือเส้นทางที่กำหนดไว้ในตั๋วก็อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงรวมกันในแต่ละเดือนโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะ ค่ารถไฟขั้นต่ำของญี่ปุ่นในการขึ้นแต่ละครั้งประมาณ 150 – 200 เยน

ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายส่วนที่เราสารถควบคุมได้ เพราะเราสามารถเลือกที่จะทำอาหารรับประทานเองแทนการรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยค่าอาหารแต่ละเดือนจะเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 – 40,000 เยน โดยอาหารธรรมดาตามทั่วไป ราคา 600 – 1,000 เยน หากเป็นอาหารราคาประหยัด เช่น ข้าวหน้าเนื้อ จะอยู่ที่ 280 – 600 เยน ทั้งนี้การทำอาหารเอง เราสามารถเลือกซื้อวัตถุดิบที่ราคาถูก แบบประหยัดตามซุปเปอร์มาร์เก็ต มาปรุงอาหารเองได้ ซึ่งเฉลี่ยแล้วตกมื้อละ 200 – 500 เยน

– การทำงานพิเศษ นักเรียนชาวต่างชาติสามารถทำงานพิเศษได้ไม่เกิน 28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยงานพิเศษที่นักเรียนคนไทยทำส่วนใหญ่ คือ งานในร้านอาหารไทย แต่จริงๆแล้วสามารถทำงานพิเศษได้ทุกประเภท การหางานพิเศษนั้นไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าน เพราะจะต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่น รวมไปถึงความพยายามและความตั้งใจ ซึ่งจะวัดได้จากการสัมภาษณ์งาน

 

 

 

Category
STUDY ABROAD